แหล่งข่าวจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(ไอเอสพี) เปิดเผยความคืบหน้าในการเจรจากับ Facebook (เฟซบุ๊ก) ว่า ช่วงเย็นของวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางเฟซบุ๊ก ได้ติดต่อกลับมาภายหลังทางสมาคมผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตประเทศไทย(สมาคมไอเอสพี) ภายหลังก่อนหน้านี้ทางสมาคมไอเอส ขอความร่วมมือให้เฟซบุ๊กดำเนินการปิด URL ที่เข้าข่ายเป็นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ตามคำสั่งศาล จำนวน 600 URL โดยล่าสุดทางเฟซบุ๊ก ได้ชี้แจงมายังไอเอสพี และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ระบุว่าพร้อมดำเนินการระงับการเผยแพร่เว็บบุคคลและเว็บเพจที่เข้าข่ายผิดกฎหมายตามคำสั่งศาลไทยทั้ง 600 URL ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เฟซบุ๊ก ยอมดำเนินการ เนื่องจากทางไอเอสพี ได้แจ้งไปว่าหากทางเฟซบุ๊ก ไม่ร่วมมือ ทางไอเอส อาจจำเป็นต้องปิดระบบ CDN( ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ของเครื่องเซิฟเวอร์) ซึ่งเป็นเสมือนถึงเก็บข้อมูลของ Facebook ในประเทศไทย เพราะหากระบบดังกล่าวปิดลง จะทำให้การเรียกใช้งานข้อมูลของเฟซบุ๊ก แต่ละครั้ง ระบบต้องเรียกข้อมูลวิ่งไปกลับผ่านเกตเวย์ต่างประเทศ รวมถึงจะใช้ปริมาณของช่องทางการสื่อสาร(แบนวิธ) มากกว่า 5 เท่า ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเฟซบุ๊ก คือ ผู้ใช้งานจะรู้สึกว่าความเร็วในการใช้งานลดลงอย่างมาก ไปจนถึงปัญหาการธุรกิจต่างๆ และการโฆษณาก็จะตามมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เฟซบุ๊ก ยังรู้ว่ามาตรการสุดท้ายหากไม่ปฏิบัติตามก็คือการสั่งปิดการใช้งานเฟซบุ๊กในประเทศไทย
“พิสิษฐ์” ยัน สื่อต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ไม่ต่างจากนวดแผนโบราณถ้า ชี้ ใครไม่มีก็ต้องจำคุกเหมือนกัน ยก เว็บ sanook – kapook เข้าข่ายสื่อออนไลน์ภายใต้กม.คุ้มครองสื่อ เมื่อวันที่ 26 เมษายน พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธานกรรมาธิการ (กมธ.)
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟชบุ๊ก รายหนึ่งได้ใช้รูปหญิง บุคคลหนึ่งตั้งเป็นโปร์ไฟล์ ได้โพสต์ข้อความและภาพ สิ่งของลักษณะ เป็นผลึกสีขาว และเม็ดยากลมสีส้ม คล้ายยาบ้า และยาไอช์ ประกาศ ในเฟชบุ๊ก โดยระบุว่า โดยระบุว่า ชื่อนฤมล คนเดิมพ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าภายหลังประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ครั้งที่ 1/2560 ว่า มติที่ประชุมได้มีการทบทวนรายการสินค้าและบริการควบคุม และมาตรการกำกับดูแลปี 2560 แทนมาตรการกำกับดูแลปี 2559
เทรนด์ไมโคร อินคอร์ปอเรทเต็ด ผู้นำด้านโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก เปิดเผยรายงานคาดการณ์ประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในชื่อ “The Next Tier – 8 Security Predictions for 2017” ซึ่งคาดการณ์ว่าปี 2560 จะเกิดการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างและเจาะลึกมากขึ้น โดยนักโจมตีที่มุ่งร้ายจะใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างหลากหลายเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง